Logo
TH | EN

วิเคราะห์อัญมณีเบื้องต้นสำหรับผู้ค้าและผู้บริโภค

ในวงการอัญมณีและเครื่องประดับ ความสามารถในการจำแนกและประเมินคุณภาพของอัญมณีถือเป็นหัวใจสำคัญ ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ประกอบการที่ต้องการคัดเลือกสินค้าเข้าร้าน หรือเป็นผู้บริโภคที่กำลังมองหาเครื่องประดับชิ้นพิเศษ การมีความรู้พื้นฐานในการวิเคราะห์อัญมณีจะช่วยสร้างความมั่นใจและป้องกันความผิดพลาดได้เป็นอย่างดี 


เครื่องมือพื้นฐาน 3 ชนิด: เพื่อนคู่คิดของนักอัญมณีศาสตร์

การวิเคราะห์อัญมณีในห้องปฏิบัติการนั้นใช้เครื่องมือขั้นสูงที่ซับซ้อน แต่สำหรับผู้เริ่มต้นหรือการตรวจสอบภาคสนาม มีเครื่องมือพื้นฐาน 3 ชนิดที่ขาดไม่ได้ ซึ่งให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับคุณสมบัติทางกายภาพและทางแสงของอัญมณีแต่ละชนิด

1. กล้องขยาย (Jeweler's Loupe)

กล้องขยาย หรือที่เรียกกันติดปากว่า "ลูป" (Loupe) คือเครื่องมือที่สำคัญที่สุดและเป็นด่านแรกในการตรวจสอบอัญมณี ลูปมาตรฐานที่นักอัญมณีศาสตร์นิยมใช้จะมีกำลังขยาย 10 เท่า (10x) ซึ่งเพียงพอต่อการมองเห็นรายละเอียดที่สำคัญภายในและบนผิวของอัญมณี

  • หลักการทำงาน: ลูปเป็นแว่นขยายชนิดหนึ่งที่ประกอบด้วยเลนส์นูน (convex lens) ทำหน้าที่รวมแสงและขยายภาพของวัตถุให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้เราสามารถมองเห็นรายละเอียดเล็กๆ ที่ตาเปล่ามองไม่เห็นได้
  • สิ่งที่มองหา:
    • ตำหนิภายใน (Inclusions): คือลักษณะเฉพาะที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติภายในเนื้ออัญมณี เช่น ผลึกแร่อื่น, ฟองก๊าซ, รอยแตก หรือของเหลวที่ถูกกักเก็บไว้ ตำหนิเหล่านี้เป็นเหมือน "ลายนิ้วมือ" ของอัญมณีที่ช่วยยืนยันความเป็นธรรมชาติและบางครั้งยังสามารถระบุแหล่งที่มาได้อีกด้วย
    • ตำหนิภายนอก (Blemishes): คือร่องรอยที่อยู่บนพื้นผิวของอัญมณี เช่น รอยขีดข่วน, รอยบิ่น, หรือร่องรอยจากการเจียระไน
    • คุณภาพการเจียระไน (Cut Quality): ตรวจสอบความสมมาตร ความคมชัดของเหลี่ยมเจียระไน และคุณภาพการขัดเงา

2. เครื่องโพลาลิสโคป (Polariscope)

โพลาลิสโคปเป็นเครื่องมือที่ใช้ตรวจสอบคุณสมบัติทางแสงที่เรียกว่า “การหักเหคู่” (Double Refracton) ซึ่งเป็นคุณสมบัติเฉพาะตัวของอัญมณีส่วนใหญ่

  • หลักการทำงาน: เครื่องโพลาลิสโคปประกอบด้วยแผ่นกรองแสงโพลาไรซ์ (Polarizing filters) สองแผ่น แผ่นหนึ่งอยู่ด้านล่าง (Polarizer) และอีกแผ่นอยู่ด้านบน (Analyzer) เมื่อแสงเดินทางผ่านแผ่นกรองแรก แสงจะถูกจัดระเบียบให้สั่นในระนาบเดียว เมื่อวางอัญมณีไว้ตรงกลาง แสงที่ผ่านอัญมณีจะเกิดการเปลี่ยนแปลงตามคุณสมบัติทางแสงของอัญมณีนั้นๆ และเมื่อเรามองผ่านแผ่นกรองอันบน เราจะสามารถสังเกตการเปลี่ยนแปลงนี้ได้
  • การแปลผล:
    • Singly Refractive (SR): หากอัญมณี มืดสนิท ตลอดการหมุน 360 องศา แสดงว่าเป็นอัญมณีที่มีการหักเหเดี่ยว (Singly Refractive) เช่น เพชร, โกเมน, สปิเนล หรือแก้ว
    • Doubly Refractive (DR): หากอัญมณีแสดงการ สว่าง-มืด สลับกัน 4 ครั้ง ในการหมุน 360 องศา แสดงว่าเป็นอัญมณีที่มีการหักเหสองแนว (Doubly Refractive) เช่น ทับทิม, ไพลิน, มรกต, ควอตซ์
    • Aggregate (AGG): หากอัญมณี สว่างตลอดเวลา ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แสดงว่าเป็นอัญมณีที่มีโครงสร้างผลึกขนาดเล็กจำนวนมากรวมตัวกัน (Aggregate) เช่น หยก หรือคาลซิโดนี

3. เครื่องวัดดัชนีหักเหของแสง (Refractometer)

รีแฟรกโตมิเตอร์เป็นเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่ใช้วัดค่า ดัชนีหักเห (Refractive Index หรือ RI) ของอัญมณีได้อย่างแม่นยำ ซึ่งค่า RI นี้เป็นคุณสมบัติเฉพาะตัวที่สำคัญอย่างยิ่งในการระบุชนิดของอัญมณี ซึ่งอัญมณีแต่ละชนิดจะมีค่า RI เฉพาะตัว

  • หลักการทำงาน: เครื่องมือนี้ทำงานโดยอาศัยหลักการที่เรียกว่า "การสะท้อนกลับหมด" (Total Internal Reflection) เมื่อแสงเดินทางจากตัวกลางที่มีความหนาแน่นสูง (ปริซึมแก้วในเครื่อง) ไปยังตัวกลางที่มีความหนาแน่นต่ำกว่า (อัญมณี) แสงจะหักเหออกจากเส้นปกติ จนกระทั่งถึงมุมวิกฤต (Critical Angle) ที่แสงจะสะท้อนกลับทั้งหมด เครื่องรีแฟรกโตมิเตอร์จะวัดค่ามุมวิกฤตนี้และแปลงเป็นค่าดัชนีหักเห (RI) แสดงผลเป็นเส้นแบ่งระหว่างพื้นที่สว่างและมืดบนสเกลให้เราอ่านค่าได้
  • การใช้งาน: หยดน้ำยาวัดค่าดัชนีหักเห (RI Liquid) ลงบนปริซึมของเครื่อง แล้ววางหน้าเจียระไนที่ใหญ่และเรียบที่สุด (Table facet) ของอัญมณีลงบนหยดน้ำยา จากนั้นมองผ่านเลนส์เพื่ออ่านค่าบนสเกล ณ ตำแหน่งที่เส้นแบ่งพื้นที่สว่างและมืดปรากฏขึ้น

ศิลปะแห่งการสังเกตด้วยตาเปล่า

แม้เครื่องมือจะมีความสำคัญ แต่ทักษะการสังเกตด้วยตาเปล่าก็เป็นพื้นฐานที่ขาดไม่ได้ การฝึกฝนการมองจะช่วยให้คุณสามารถประเมินคุณภาพและความงามของอัญมณีได้อย่างรวดเร็ว

  • สี (Color): สังเกตความสม่ำเสมอของสี ความเข้ม และโทนสี อัญมณีบางชนิดอาจมีสีที่ไม่สม่ำเสมอหรือมีแถบสี ซึ่งอาจเป็นลักษณะเฉพาะทางธรรมชาติหรือเป็นข้อด้อยก็ได้
  • ความสะอาด (Clarity): มองหาตำหนิภายในที่เห็นได้ชัดเจนด้วยตาเปล่า ตำหนิบางชนิดอาจส่งผลกระทบต่อความงามและความทนทานของอัญมณี ในขณะที่บางชนิด (เช่น "สายไหม" ในแซปไฟร์สตาร์) กลับเป็นสิ่งที่สร้างมูลค่า
  • ประกายรุ้ง (Brilliance & Fire): สังเกตการเล่นแสงและประกายรุ้งของอัญมณีเมื่อขยับไปมาใต้แสงไฟ อัญมณีที่เจียระไนอย่างดีจะสามารถสะท้อนแสงกลับมาสู่สายตาผู้มองได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้เกิดประกายที่สวยงาม

การวิเคราะห์อัญมณีเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ การเรียนรู้และฝึกฝนการใช้เครื่องมือพื้นฐาน ควบคู่ไปกับการฝึกทักษะการสังเกต จะช่วยให้ท่านสามารถเข้าถึงโลกแห่งอัญมณีได้อย่างมั่นใจและเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น สมาคมฯ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับทุกท่านที่สนใจในเสน่ห์อันน่าหลงใหลของอัญมณี

โพสที่เกี่ยวข้อง

Gemports Ruby & Sapphire Reference Chart

Gemports Ruby & Sapphire Reference Chart

In an era of valuing transparency, Gemports Colored Gemstone Report emerges as a trusted  beacon,  reflecting a commitment to ethical practices,  fair trade,  and the  overall enhancement of the industry's reputation.

COLOR GEM PROFESSIONAL (CGP) | GÜBELIN ACADEMY x TGJTA 

COLOR GEM PROFESSIONAL (CGP) | GÜBELIN ACADEMY x TGJTA 

THE GLOBAL GEM STANDARD, NOW IN BANGKOK!  ELEVATING THAILAND'S GEM KNOWLEDGE.

เลือกเครื่องตรวจเพชรอย่างไร? รู้ทันเทคโนโลยีอัญมณีสังเคราะห์ (Lab Grown Diamond-LGD) แนวทางสำหรับผู้ประกอบการและผู้บริโภค

เลือกเครื่องตรวจเพชรอย่างไร? รู้ทันเทคโนโลยีอัญมณีสังเคราะห์ (Lab Grown Diamond-LGD) แนวทางสำหรับผู้ประกอบการและผู้บริโภค

TGJTA แนะวิธีเลือกเครื่องตรวจเพชรพกพาที่ถูกต้อง ผู้ประกอบการควรรู้ทันเทคโนโลยีอัญมณีสังเคราะห์ (Lab Grown Diamond-LGD) ผู้บริโภคควรรู้ไว้ก่อนตัดสินใจซื้อ