Logo
TH | EN

ไขข้อข้องใจ "ทองเค" กับ "ทองปลอม": เผยวิธีสังเกตด้วยตาเปล่า

ในฐานะผู้บริโภคและผู้รักในเครื่องประดับอัญมณี การทำความเข้าใจในประเภทของทองคำถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้สามารถเลือกซื้อและลงทุนได้อย่างมั่นใจ บทความนี้จากสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ จะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับ "ทองเค" และ "ทองปลอม" ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น พร้อมแนะนำวิธีสังเกตความแตกต่างเบื้องต้นด้วยตาเปล่า เพื่อป้องกันการซื้อสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน


ทองเค (Karat Gold) คืออะไร? ใช่ทองแท้หรือไม่?

หลายท่านอาจเคยได้ยินคำว่า "ทองเค" แล้วเกิดความสงสัยว่าเป็นทองแท้หรือไม่ ขอเรียนให้ทราบอย่างชัดเจนว่า ทองเค คือ ทองคำแท้ ที่มีการผสมโลหะอื่น ๆ เช่น เงิน ทองแดง พาลาเดียม หรือนิกเกิลเข้าไปในเนื้อทองตามสัดส่วนที่กำหนด เพื่อวัตถุประสงค์หลัก 2 ประการ คือ

  1. เพิ่มความแข็งแรงทนทาน: ทองคำบริสุทธิ์ 99.99% (หรือ 24K) มีความอ่อนตัวสูง ไม่เหมาะกับการนำมาทำเครื่องประดับที่ต้องการความคงทนแข็งแรง โดยเฉพาะเครื่องประดับที่ต้องฝังอัญมณี การผสมโลหะอื่นจะช่วยให้ตัวเรือนมีความแข็งแรง สามารถยึดเกาะอัญมณีได้ดีและทนทานต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน
  2. ปรับเปลี่ยนสีสัน: การผสมโลหะต่างชนิดกันในสัดส่วนที่ต่างกัน ทำให้เกิดสีทองที่หลากหลาย เช่น Pink Gold (เกิดจากการผสมทองแดง) หรือ White Gold (เกิดจากการผสมโลหะขาว เช่น พาลาเดียม)

หน่วยที่ใช้วัดความบริสุทธิ์ของทองเคคือ "กะรัต" (Karat) ซึ่งแตกต่างจาก "กะรัต" (Carat) ที่เป็นหน่วยวัดน้ำหนักของเพชร โดยมาตรฐานสากลแบ่งความบริสุทธิ์ของทองคำออกเป็น 24 ส่วน ดังนี้

  • 24K คือ ทองคำบริสุทธิ์ 99.99%
  • 18K คือ ทองคำแท้ 75.0% (18/24) นิยมใช้ในงานจิวเวลรี่มาตรฐานสากล
  • 14K คือ ทองคำแท้ 58.5% (14/24)
  • 9K/10K คือ ทองคำแท้ 37.5%/41.7%

สำหรับประเทศไทย มาตรฐานทองรูปพรรณที่คุ้นเคยกันคือ ทอง 96.5% ซึ่งเมื่อเทียบเป็นหน่วยกะรัตแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 23.16K

สรุปได้ว่า ทองเคไม่ใช่ทองปลอม แต่เป็นทองคำแท้ที่มีการปรับส่วนผสมเพื่อการใช้งานและความสวยงามนั่นเอง

ทองปลอม คืออะไร?

ทองปลอม คือ โลหะชนิดอื่นที่ไม่ได้มีส่วนผสมของทองคำเป็นหลัก หรือมีในปริมาณที่น้อยมาก แล้วนำมาผ่านกระบวนการเพื่อให้มีลักษณะภายนอกแลดูคล้ายทองคำแท้มากที่สุด วิธีการที่พบบ่อยคือ:

  • ทองชุบ (Gold Plated): คือการนำโลหะราคาถูก เช่น ทองเหลือง หรือเหล็ก มาเคลือบผิวด้วยทองคำแท้บางๆ ทองประเภทนี้มักมีราคาถูก แต่เมื่อใช้ไปนานๆ ผิวที่เคลือบไว้จะหลุดลอกออก
  • ทองโคลนนิ่ง: เป็นชื่อทางการค้าที่ใช้เรียกทองชุบคุณภาพสูงที่ทำให้ดูเหมือนของจริงมาก แต่แกนในยังคงเป็นโลหะอื่น
  • โลหะอื่นทำสี: การนำโลหะต่างๆ มาทำสีให้ดูคล้ายทองคำ

ข้อสังเกตด้วยตาเปล่า: แยกทองเคออกจากทองปลอม

แม้เทคโนโลยีการทำทองปลอมจะพัฒนาไปมาก แต่ก็ยังมีจุดสังเกตที่สามารถใช้ตรวจสอบเบื้องต้นได้

1. ตรวจสอบตราประทับ (Hallmark) 

เครื่องประดับทองเคแท้ตามมาตรฐาน จะต้องมีการประทับตราเพื่อบอกความบริสุทธิ์ของเนื้อทองและอาจมีตราของผู้ผลิตอยู่ด้วย ตราประทับเหล่านี้มักมีขนาดเล็ก ต้องใช้แว่นขยายส่องดู และมีความคมชัด ไม่เบลอ

  • ตัวเลขบอกความบริสุทธิ์: มองหาตัวเลข เช่น 18K, 750 (หมายถึงทอง 75%), 14K, 585 (หมายถึงทอง 58.5%) หรือสำหรับทองไทยอาจพบเลข 965 (หมายถึงทอง 96.5%)
  • ตราโลโก้ผู้ผลิต: ร้านทองหรือผู้ผลิตที่มีชื่อเสียงมักประทับตราสัญลักษณ์ของตนเองไว้ด้วย
  • ความคมชัด: ทองปลอมมักจะไม่มีตราประทับ หรือหากมีก็จะตื้น เบลอ และไม่คมชัด เนื่องจากโลหะที่ใช้มีความแข็งกว่าทองคำแท้ ทำให้การตอกประทับทำได้ยาก

2. สังเกตจากสีและเนื้อทอง 

แม้จะแยกได้ยากหากไม่ชำนาญ แต่สีของทองก็เป็นข้อบ่งชี้ได้

  • สีของทองเค: ทองเคแต่ละประเภทมีเฉดสีเฉพาะตัว เช่น ทอง 96.5% จะมีสีเหลืองทองเข้ม สุกปลั่ง ส่วนทอง 18K จะมีสีเหลืองที่นวลกว่าเล็กน้อย และทอง 9K อาจมีสีเหลืองอมเขียวนิดๆ สีของทองเคจะสม่ำเสมอเป็นเนื้อเดียวกัน
  • สีของทองปลอม: ทองชุบมักมีสีเหลืองที่สว่างแวววาวผิดธรรมชาติ หรือบางครั้งก็มีสีที่เข้มจัดเกินไป เมื่อเทียบกับทองแท้แล้วจะเห็นความแตกต่าง

3. พิจารณาตามขอบ รอยต่อ และบริเวณที่เสียดสี

นี่คือจุดที่สำคัญที่สุดในการสังเกตทองชุบหรือทองปลอม

  • ทองเคแท้: เนื่องจากเป็นทองเนื้อเดียวกันทั้งชิ้น ไม่ว่าจะผ่านการใช้งานนานเท่าใด เนื้อในก็ยังคงเป็นสีทองเช่นเดิม อาจมีรอยขีดข่วนหรือหมองลงได้ตามกาลเวลา แต่จะไม่มีการ "ลอก" จนเห็นสีโลหะอื่น
  • ทองปลอม/ทองชุบ: เมื่อผ่านการใช้งาน บริเวณขอบ มุม หรือรอยต่อที่มักมีการเสียดสีบ่อยๆ เช่น ห่วงสร้อย ขอบแหวน จะเกิดการหลุดลอกของผิวทองที่ชุบไว้ เผยให้เห็นสีของโลหะเนื้อในซึ่งอาจเป็นสีเงิน สีดำ หรือสีทองเหลืองที่แตกต่างออกไปอย่างชัดเจน

4. น้ำหนักและความหนาแน่น

หากคุณมีทองแท้ที่มีขนาดใกล้เคียงกันเพื่อเปรียบเทียบ ลองถือชั่งในมือ ทองคำแท้จะมีความหนาแน่นสูง ทำให้เมื่อเทียบกับทองปลอมในขนาดที่เท่ากัน ทองแท้จะรู้สึกมีน้ำหนักมากกว่าอย่างรู้สึกได้


ข้อควรจำเพื่อความมั่นใจสูงสุด

แม้ข้อสังเกตข้างต้นจะเป็นประโยชน์ในการตรวจสอบเบื้องต้น แต่สำหรับทองปลอมที่ทำอย่างประณีตอาจแยกได้ยาก วิธีที่ดีที่สุดคือ การเลือกซื้อเครื่องประดับจากร้านค้าที่ได้มาตรฐาน มีชื่อเสียง และเป็นที่ยอมรับในวงการ ซึ่งเป็นสมาชิกของสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ เพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่าจะได้รับสินค้าที่มีคุณภาพถูกต้องตามมาตรฐาน

สมาคมฯ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้บริโภคทุกท่านในการเลือกซื้อเครื่องประดับทองคำได้อย่างชาญฉลาดและมั่นใจยิ่งขึ้

โพสที่เกี่ยวข้อง

เปิดโลก

เปิดโลก "โอปอล" อัญมณีแห่งแสงสี: ความลับจากใต้พิภพที่คุณอาจไม่เคยรู้

เมื่อพูดถึง "โอปอล" (Opal) หลายคนมักนึกถึงอัญมณีสีขาวที่มีรุ้งเหลือบพรายสวยงาม แต่รู้หรือไม่ว่า ภายใต้ความงามนั้นคือบันทึกทางประวัติศาสตร์ของโลกที่ซ่อนอยู่ โอปอลไม่ใช่แค่ก้อนหินสวยงาม แต่มันคือปาฏิหาริย์ทางธรณีวิทยาที่ผสมผสานระหว่าง "หิน" และ "น้ำ" เข้าด้

เพชรจากเถ้ากระดูก | นวัตกรรมแห่งความทรงจำ หรือ กลยุทธ์ทางการตลาดที่ฉวยโอกาสจากความโศกเศร้า?

เพชรจากเถ้ากระดูก | นวัตกรรมแห่งความทรงจำ หรือ กลยุทธ์ทางการตลาดที่ฉวยโอกาสจากความโศกเศร้า?

Global Claims Associates รวบรวมข้อมูลทางวิทยาศาสตร์จากแหล่งอ้างอิงต่างประเทศ เราพบ "ข้อเท็จจริงที่น่ากังวล" 4 ประการ ที่ผู้บริโภคควรพิจารณาก่อนตัดสินใจจ่ายเงินจำนวนมหาศาล

เครื่องมือพื้นฐานช่วยวิเคราะห์อัญมณีเบื้องต้นสำหรับผู้ค้าและผู้บริโภค

เครื่องมือพื้นฐานช่วยวิเคราะห์อัญมณีเบื้องต้นสำหรับผู้ค้าและผู้บริโภค

ความสามารถในการจำแนกและประเมินคุณภาพของอัญมณีถือเป็นหัวใจสำคัญ ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ประกอบการที่ต้องการคัดเลือกสินค้าเข้าร้าน หรือเป็นผู้บริโภคที่กำลังมองหาเครื่องประดับชิ้นพิเศษ การมีความรู้พื้นฐานในการวิเคราะห์อัญมณีจะช่วยสร้างความมั่นใจและป้องกันความผิดพล