Logo
TH | EN

ทำความเข้าใจ Rapaport Price List ดัชนีราคากลางเพชรที่ผู้ค้าทั่วโลกใช้เป็นมาตรฐาน เรียนรู้วิธีอ่านตารางราคา (Carat, Color, Clarity) พร้อมข้อจำกัดที่ควรรู้ก่อนซื้อขายเพชร

ในโลกของการค้าเพชรที่เต็มไปด้วยรายละเอียดและความซับซ้อน การมีมาตรฐานราคากลางที่น่าเชื่อถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง "The Rapaport Price List" หรือที่ผู้คนในวงการเรียกกันสั้นๆ ว่า "Rapaport" ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับทั่วโลกให้การยอมรับ บทความนี้จะพาทุกท่านไปทำความรู้จักและเรียนรู้วิธีการอ่านราคากลางเพชรจาก Rapaport เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจอย่างมืออาชีพและมีมาตรฐานสากล


Rapaport คืออะไร? ทำไมจึงเป็นดัชนีราคาเพชรที่สำคัญ

The Rapaport Price List คือ รายงานราคากลางของเพชรเจียระไน (Polished Diamonds) รูปทรงกลม (Round) และรูปทรงแฟนซี (Pear) ที่ได้รับการยอมรับและใช้กันอย่างแพร่หลายที่สุดในวงการค้าเพชรทั่วโลก ริเริ่มโดย มาร์ติน ราพาพอร์ต (Martin Rapaport) แห่ง Rapaport Group ในปี ค.ศ. 1978 รายงานนี้จะเผยแพร่เป็นรายสัปดาห์ในทุกวันพฤหัสบดีตอนเที่ยงคืน (ตามเวลา EST) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างมาตรฐานและความโปร่งใสในการซื้อขายเพชรในระดับค้าส่ง (B2B)

ความสำคัญของ Rapaport ไม่ได้อยู่ที่การเป็น "ราคาขายปลีก" แต่เป็น ราคากลางอ้างอิง (Benchmark Price) สำหรับผู้ค้าเพชรทั่วโลกในการเจรจาต่อรองราคาซื้อขายกัน โดยราคาที่ปรากฏในตารางจะเป็นราคาตั้งต้นสูงสุด (Asking Price) ในหน่วยดอลลาร์สหรัฐต่อกะรัต ($/carat) สำหรับเพชรที่มีคุณภาพสูงตามเกณฑ์

ปัจจัยที่ทำให้ Rapaport กลายเป็นดัชนีที่สำคัญ ได้แก่:

  • ความเป็นกลางและมาตรฐาน: Rapaport Group เป็นหน่วยงานอิสระที่วิเคราะห์ข้อมูลจากศูนย์กลางการค้าเพชรที่สำคัญทั่วโลก เช่น นิวยอร์ก เบลเยียม และอิสราเอล เพื่อกำหนดราคากลางที่สะท้อนสภาวะตลาดที่เป็นจริง
  • การยอมรับในอุตสาหกรรม: ผู้ค้าเพชร ผู้ผลิต และผู้ค้าปลีกต่างใช้ Rapaport เป็น "ภาษาเดียวกัน" ในการสื่อสารเรื่องราคา ทำให้การทำธุรกรรมเป็นไปอย่างราบรื่นและมีจุดอ้างอิงที่ชัดเจน
  • สร้างความโปร่งใส: การมีราคากลางช่วยให้ตลาดมีความโปร่งใส ลดความได้เปรียบเสียเปรียบจากการตั้งราคาที่ไม่สมเหตุสมผล

คู่มือการอ่าน Rapaport Price List: เข้าใจโครงสร้างราคาเพชร

ตารางราคาของ Rapaport จะแบ่งตาม น้ำหนัก (Carat Weight), สี (Color), และ ความสะอาด (Clarity) การอ่านราคาจำเป็นต้องเข้าใจองค์ประกอบต่างๆ อย่างละเอียด ดังนี้

  1. เลือกตารางตามน้ำหนัก (Select the Carat Grid): สิ่งแรกที่ต้องทำคือเลือกตารางให้ตรงกับช่วงน้ำหนักของเพชรที่ต้องการประเมิน Rapaport จะแบ่งตารางย่อยๆ ตามช่วงน้ำหนักอย่างชัดเจน เช่น 0.30-0.39 ct, 0.50-0.69 ct, 1.00-1.49 ct เป็นต้น
  2. ระบุตำแหน่งตามสีและความสะอาด (Locate the Color and Clarity):
    • แกนแนวตั้ง (ซ้ายมือ): คือ ระดับสี (Color Grade) เรียงตามลำดับจาก D (คุณภาพสูงสุด) ลงไปถึง M
    • แกนแนวนอน (บนสุด): คือ ระดับความสะอาด (Clarity Grade) เรียงตามลำดับจาก IF (ไร้ตำหนิภายใน) ไปจนถึง I3 (มีตำหนิที่เห็นได้ชัด)
  3. อ่านค่าและคำนวณราคา (Interpret the Value and Calculate): ตัวเลขที่ตำแหน่งตัดกันของสีและความสะอาด คือ ราคาอ้างอิงต่อกะรัต ในหน่วย ร้อยเหรียญสหรัฐ ($100s)

ตัวอย่างการคำนวณ:

สมมติว่าท่านต้องการหาราคาอ้างอิงของเพชรกลม (Round Brilliant) หนัก 1.25 กะรัต, สี G, ความสะอาด VS1

  • ขั้นตอนที่ 1: ไปที่ตาราง Rapaport สำหรับเพชรในช่วงน้ำหนัก "1.00 1.49 CT"
  • ขั้นตอนที่ 2: มองหาแถวของสี "G" และคอลัมน์ของความสะอาด "VS1"
  • ขั้นตอนที่ 3: สมมติตัวเลขที่ตำแหน่งตัดกันคือ "59" ซึ่งหมายถึงราคา $59 x 100 = 5,900 ต่อกะรัต
  • ขั้นตอนที่ 4: นำราคาต่อกะรัตที่ได้มาคูณกับน้ำหนักเพชร: ราคาเพชร= ราคาต่อกะรัต

น้ำหนักจริง x ราคาเพชร x 100 = ราคาเป็นดอลลาร์

ดังนั้น ราคาอ้างอิงสูงสุด (List Price) ของเพชรเม็ดนี้ตาม Rapaport คือ $7,375.


ข้อจำกัดและการใช้ Rapaport ในการประเมินราคาเพชรจริง

สิ่งสำคัญที่สุดที่ผู้ประกอบการต้องตระหนักคือ ราคาใน Rapaport ไม่ใช่ราคาซื้อขายที่แท้จริง แต่เป็นราคาตั้งต้นสำหรับการเจรจาต่อรอง ราคาซื้อขายในตลาดจริงมักจะมีการให้ "ส่วนลด" (Discount) หรือที่เรียกกันในวงการว่า "Back" หรือ "Less" จากราคาในตาราง ซึ่งเปอร์เซ็นต์ส่วนลดจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปัจจัยคุณภาพอื่นๆ ที่ไม่ได้ระบุไว้ในตาราง

ข้อจำกัดและปัจจัยที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติมในการประเมินราคาจริง:

  • คุณภาพการเจียระไน (Cut): เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อความงามและมูลค่าของเพชรอย่างมหาศาล แต่ ไม่มีอยู่ในตาราง Rapaport เพชรที่มีคุณภาพการเจียระไนระดับ Excellent หรือ Ideal Cut (ตามเกณฑ์ GIA หรือ AGS) จะมีส่วนลดน้อยกว่า (ราคาสูงกว่า) เพชรที่มีเกรด Good หรือ Fair อย่างมีนัยสำคัญ
  • การเรืองแสง (Fluorescence): เพชรที่มีการเรืองแสงในระดับ Medium, Strong หรือ Very Strong โดยเฉพาะในเพชรสีสูง (Colorless & Near Colorless: D-H) มักจะมีราคาต่ำกว่า (ส่วนลดสูงกว่า) เพชรที่ไม่มีการเรืองแสง (None/Faint)
  • ใบรับรอง (Certification): เพชรที่ได้รับการรับรองจากสถาบันที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล เช่น GIA (Gemological Institute of America) จะมีราคาสูงกว่าและน่าเชื่อถือกว่าใบรับรองจากสถาบันอื่นๆ
  • สภาวะตลาดและปัจจัยอื่นๆ: ราคาซื้อขายจริงยังขึ้นอยู่กับอุปสงค์และอุปทาน ณ ขณะนั้น, ความสวยงามของเพชรแต่ละเม็ด (เช่น ตำแหน่งของตำหนิสีรอง, สัดส่วนต่างๆ) และเงื่อนไขการซื้อขาย

สรุป

The Rapaport Price List เป็นเครื่องมืออ้างอิงที่ทรงพลังและจำเป็นสำหรับผู้ค้าเพชร แต่เป็นเพียง "จุดเริ่มต้น" ของกระบวนการประเมินราคาเท่านั้น การจะกำหนดราคาซื้อขายที่แม่นยำและยุติธรรมได้นั้น จำเป็นต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการพิจารณาคุณลักษณะของเพชรแต่ละเม็ดอย่างรอบด้าน ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์สภาวะตลาดปัจจุบัน การเข้าใจวิธีการอ่านและตระหนักถึงข้อจำกัดของ Rapaport จะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถดำเนินธุรกิจในตลาดโลกได้อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพสูงสุด


แหล่งที่มาของข้อมูล (References):

 

  •  

 

โพสที่เกี่ยวข้อง

บก.น.6 จัดสัมมนาให้ความรู้ด้านกฎหมายธุรกิจอัญมณี ณ TGJTA

บก.น.6 จัดสัมมนาให้ความรู้ด้านกฎหมายธุรกิจอัญมณี ณ TGJTA

กองบัญชาการตำรวจนครบาล 6 จัดสัมมนาให้ความรู้ด้านกฎหมายธุรกิจอัญมณีและการรับมืออาชญากรรมทางเทคโนโลยี ณ สมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ

TGJTA ร่วมกับ ศุลกากรสุวรรณภูมิ อบรมอัญมณีเจ้าหน้าที่ ลดอุปสรรคทางการค้า

TGJTA ร่วมกับ ศุลกากรสุวรรณภูมิ อบรมอัญมณีเจ้าหน้าที่ ลดอุปสรรคทางการค้า

สมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยฯ ร่วมกับ ศุลกากรสุวรรณภูมิ จัดอบรมอัญมณี อำนวยความสะดวกการค้า ให้ราบรื่น

"เพชรฟลอเรนไทน์" ปรากฏโฉมอีกครั้งในรอบ 100 ปี หลังเชื่อว่าสูญหายไปนาน

The New York Times รายงานว่า "เพชรฟลอเรนไทน์" (Florentine Diamond) ขนาด 137.27 กะรัต ซึ่งเคยเชื่อกันว่าสูญหายไปนานกว่าศตวรรษ ปัจจุบันถูกเก็บรักษาไว้ในตู้นิรภัยแห่งหนึ่งในประเทศแคนาดา